วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2559

เทคนิควิธีทำ SEO การหา Backlinks จากเว็บบอร์ด SMF


เพื่อให้นัก SEO รุ่นใหม่ ควรรู้ก่อนจึงจะขอกล่าวเกี่ยวกับ  SMF ให้รู้จักโดยรวมก่อน

SMF ย่อมาจาก Simple Machines Forum หรือก็คือ โปรแกรมระบบกระดานสนทนา ที่เรียกกันอย่างแพร่หลอยว่า เว็บบอร์ด บนอินเทอร์เน็ต เป็นแบบโอเพนซอร์ส ทำงานด้วยภาษา PHP โดยมีการทำงานควบคู่กับระบบฐานข้อมูล รับรองการทำงานของฐานข้อมูลได้หลายชนิด เช่น SQLite , MySQL  , PostgreSQL ซึ่งใช้ภาษา PHP ในการพัฒนา ในระบบฐานข้อมูล MySQL มีตัวช่วยการติดตั้งที่ง่ายอย่าง Wizard installer มีรูปแบบธีม (Themes) และส่วนช่วยเสริมฟังก์ชั่นในการใช้งาน อย่างตัว Modifications มีให้เลือกใช้เยอะ ทำให้ SMF  ซึ่งมีความนิยมอย่างมาก 

คุณลักษณะและความสามารถของ SMF

  • รองรับฐานข้อมูลแบบ PostgreSQL และ SQLite เพิ่มเติมจากเดิมที่รองรับได้เฉพาะ MySQL 
  • ติดตั้งแพ็คเกจอัตโนมัติไปยังธีมอื่นๆ จากที่เคยติดตั้งได้เฉพาะธีมมาตรฐาน
  • เพิ่มระบบการเตือนผู้ใช้
  • มีแม่แบบอีเมลเพื่อความสะดวกในการปรับแต่งอีเมลในฟอรั่ม
  • เพิ่มศูนย์การจัดการการดูแล ได้แก่ ดูแลโพสต์ หัวข้อและไฟล์แนบ ระบบนี้ช่วยผู้ดูแลให้สามารถตรวจทานเนื้อหาที่ส่งเข้ามาก่อนจะเผยแพร่ได้
  • เพิ่มตัวแก้ไขแบบ WYSIWYG เพื่อให้ง่ายสำหรับการแก้ไข และสำหรับผู้ใช้ที่ไม่ชินกับการใช้ BBCode
  • ปรับปรุงการอนุญาต เช่น การสืบทอดสิทธิการอนุญาตเป็นกลุ่ม และโปรไฟล์การอนุญาต ช่วยลดความซับซ้อนของระบบ
  • เพิ่มระบบการแคชไฟล์ให้มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น
  • มีการปรับปรุงการส่งข้อความส่วนบุคคลและมีความสามารถในการเรียงลำดับข้อความขาเข้าและมีให้เลือกแบบการแสดงผล
  • ใช้งานระบบสมาชิกกับ OpenID. ได้
  • เพิ่มระบบการส่งเมลที่เรียงตามลำดับ สำหรับฟอรั่มขนาดใหญ่
  • มีระบบการตั้งค่าลายเซ็นขั้นสูง เพื่อให้ผู้ดูแลระบบสามารถควบคุมเนื้อหาในลายเซ็นของผู้ใช้ได้ง่ายมากขึ้น
  • ตัวเลือกโปรไฟล์เฉพาะ ทำให้ผู้ดูแลสามารถเพิ่มช่องตัวเลือกโปรไฟล์เฉพาะเพื่อสมาชิก จากศูนย์การดูแลระบบได้
   โดยนับตั้งแต่ Google มีการอัพเดท Algorithm ที่ผ่านมา การสร้าง Network ส่วนตัวที่ไม่ได้คุณภาพจริงๆ จะรอดยากมาก และมีโอกาสโดนแบนจาก Google สูงมากเช่นกัน นักทำ SEO ที่สร้างเน็ตเวิร์คส่วนตัวด้วย WordPress หากไม่เน้นคุณภาพจริงๆ โดนแบนทียกชุด เงินลงทุนก็หายไปด้วย  อย่างไรก็ตามในการสร้าง Network ส่วนตัว หากว่าเรายังไม่มีประสบการณ์ หรือไม่มั่นใจว่าจะทำให้มีคุณภาพตามกฎของ Google ได้หรือไม่นั้น ให้ลองสร้าง Network ส่วนตัวด้วย Webboboard ก่อน จะโอกาสที่โดน Google Banned นั้น มีน้อยกว่าการใช้ CMS อย่าง WordPress 
  เหตุผลที่เราควรสร้าง Network ส่วนตัวด้วยเว็บบอร์ด ก็เพราะสามารถควบคุมคุณภาพ หรือตัว Quality Control ได้ทุกจุดมากกว่า เว็บบอร์ดทั่วไป ที่มีทั้งบทความคุณภาพ และบทความขยะปนๆกันไป มีการสร้าง Spam Content หรือการสร้างบทความซ้ำๆ Duplicate Content อีกทั้งผู้ใช้งานบางคนอาจสร้าง Profile Link และติดลายเซ็นต์บนเว็บบอร์ด Form Signature เพื่อหวังแต่จะสร้างลิงค์โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพ  และด้วยเหตุผลเหล่านี้ เราจึงต้องสร้างเว็บบอร์ดแบบปิด เพื่อไม่ให้ใครมาใช้งานร่วมกับเรา หรือ พูดง่ายๆ คือใช้เว็บบอร์ดเป็บระบบเน็ตเวิร์คส่วนตัวเพื่อใช้สำหรับทำอันดับบน Google นั่นเอง
   ซึ่งข้อเสียของการสร้าง Webboard แบบปิด นั้นคือไม่ให้คนอื่นสมัครสมาชิกเพื่อเข้ามาสแปมเว็บของเรา ซึ่งจะไม่มีการโต้ตอบระหว่างสมาชิกที่อยู่ภายในเว็บบอร์ด มีแต่เราเพียงคนเดียวที่เป็นเจ้าของ และมีแต่เราที่มีสิทธิ์โพส แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เพราะถ้าเราเขียนบทความคุณภาพภายใน Webboard สุดท้ายแล้ว ผู้ใช้งานจะค้นหาบทความหรือกระทู้ของเราเจอผ่านทาง Google Search และยิ่งบทความมีคุณภาพมากเท่าใด ก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้คนเข้ามาอ่านบทความของเรามากเท่านั้น จะทำให้ Network ส่วนตัวของเราแรงขึ้น และเว็บบอร์ดแบบปิดประเภทนี้ต้องมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงในการทำ Network ส่วนตัว
สำหรับใครที่ไม่มี Webboard แบบปิด
   การสร้าง Webboard ด้วย SMF Forum ง่ายมากเพราะ ฟรี เทคนิคการหาเว็บ SMF ง่ายๆ คือ 
เข้าไปที่ google ค้นหาคำว่า index.php?action=register
เราก็จะเจอเว็บ SMF จำนวนมาก  แต่ถ้าจะเลือกเอาเฉพาะเว็บ SMF ที่ตรงกับหมวดหมู่เว็บไซต์ของเรา ทำได้โดยการค้นหาเว็บ SMF เฉพาะ เว็บที่เราต้องการ ข้อดีคือ ได้ ip ที่ต่างกัน มันมีผลต่ออันดับเว็บไซต์ของเราด้วย
และเว็บเหล่านี้ก็ index ได้เร็ว (แนะนำให้เลือกบอร์ดที่เกี่ยวกับ Keyword ของเรา)
    ควรไม่ลืมว่าการสร้าง Network ส่วนตัว คือการสร้างเว็บด้วยบทความที่มีการสร้าง Links กลับไปยังเว็บหลัก จำนวนมากๆ หากกูเกิ้ลตรวจพบ อาจโดนแบน โดนทำโทษ แต่ถ้าผู้ที่มีประสบการณ์จริงๆ อาจจะไม่มีปัญหา เพราะเข้าใจการทำงานในระบบ Algorithm ของ Google ซึ่งกว่าที่เราจะไปถึงจุดนั้นก็ต้องศึกษา ค้นคว้าหากความรู้เพิ่มเติม ลองผิดลองถูก เพื่อให้มีความรู้ความชำนาญที่จะสร้าง Network ที่มีคุณภาพ และไม่โดนกูเกิ้ลแบน ถ้าหากเราเก่งระดับสามารถทำให้ Network ส่วนตัวมีความยั่งยืนได้ อันดับมีแต่ขึ้นกับขึ้น เพราะตราบใดที่ระบบเน็ตเวิร์คของเราไม่โดนทำโทษ อันดับเว็บของเราก็จะไม่ร่วงโดยเด็ดขาด เว้นแต่ว่าอันดับแรงเกิน จนคู่แข่งยิงลิงค์ขยะเข้าสู่เว็บหลัก แบบนี้ก็ต้องแก้กันไป อีกกลยุทธ์หนึ่ง โดยอาจจะทำการส่งลิงค์ขยะรายงานไปยัง Google ผ่านเครื่องมือ Disavow Tools และให้กูเกิ้ลพิจารณาใหม่ (https://www.google.com/webmasters/tools/disavow-links-main) บางเรื่องระบบกูเกิ้ลก็ยังมีข้อเสียอยู่เช่นกัน คือไม่ว่าใครจะสร้างลิงค์แบบไหนเข้าหาเว็บเรา Google ก็จะนับคะแนนทั้งหมด ทั้งลิงค์เสียลิงค์ดี โดยเอาไปตัดแต้มกันตามจำนวนที่ตรวจพบ แต่ถ้าเราสร้าง Network ส่วนตัวที่มีคุณภาพขนาดใหญ่ก็จะพอช่วยได้ระดับหนึ่ง เพราะถ้าเรามีลิงค์คุณภาพจำนวนมากๆ ก็อาจจะไม่ต้องกังวลกับกลยุทธ์จากคู่แข่ง ที่คอยสรรหาวิธีการต่างๆ มาทดสอบเว็บไซต์ของเรา

วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2559

สอนทำ seo : ปรับเปลี่ยนโครงสร้าง URL ให้มีผลดีต่อ SEO


 ในวิธีการทำ SEO การปรับเปลี่ยนโครงสร้าง URL เพื่อเข้าใจง่ายจะนำเสนอข้อมูลเนื้อหาได้ดี ต้องมีคำที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับเนื้อหาของเว็บไซต์ด้วย และควรสร้างหมวดหมู่และชื่อไฟล์ที่สื่อถึงเนื้อหาในเว็บไซต์ของเราไม่เพียงแต่ช่วยให้เว็บไซต์เป็นระเบียบ แต่ยังช่วยให้เครื่องมือค้นหาทำการรวบรวมข้อมูลในเว็บไซต์ของเราได้ดียิ่งขึ้น เพราะจะทำให้สามารถจดจำ URL ได้ง่าย
 ควรจะเลือกใช้ คำอธิบายใน URL ที่มีโครงสร้างที่สอดคล้องกับเนื้อหาของเว็บไซต์ พยายาม หลีกเลี่ยง URL ที่มีความซับซ้อน มีความยาวเกินไป หรือใช้คำแปลกๆ และมีส่วนของ พารามิเตอร์ (ข้อมูลที่ใส่ใน URL เพื่อระบุลักษณะการทำงานของไซต์) ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้เกิดความสับสน หากเราเลือกใช้ URL ที่มีคำที่เกี่ยวข้อง แทนที่จะเป็น รหัสพารามิเตอร์ จะดีต่อผู้ใช้และเครื่องมือค้นหา  และ การใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ใน URL อย่างไม่เหมาะสม  ผู้ใช้ส่วนใหญ่มักจะคิดว่า URL จะต้องเป็นตัวพิมพ์เล็ก และจะช่วยให้พวกเขาจดจำได้ง่ายกว่า         
ยกตัวอย่างเช่น
                                   ภาพแสดงโครงสร้าง URL ที่มีรหัส พารามิเตอร์
จากภาพ โครงสร้าง URL นี้ มีการใช้เป็นรหัสพารามิเตอร์ซึ่งมีความซับซ้อนอยู่มาก
 เราควรเลือกใช้ URL แบบเดียวกันในเนื้อหาแต่ละหน้า เพื่อไม่ให้ผู้ใช้สับสนซึ่งจะทำให้ความน่าเชื่อถือของ URL แต่ละอันแตกต่างกัน
เช่น “domain.com/page.htm” และ “sub.domain.com/page.htm”
ตัวอย่างเช่น

                   ภาพแสดงโครงสร้าง URL ที่มีการจัดหมวดหมู่อย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย
URL ที่ปรากฏในผลการค้นหา
  การค้นหาของ Google จะแสดง URL ไว้ใต้ชื่อและคำอธิบาย โดยมีคำที่อยู่ ใน URL ตรงกับคำหลักค้นหาเป็นตัวหนา เช่นเดียวกับชื่อและคำอธิบาย และถึง Google จะทำการรวบรวมข้อมูลโครงสร้างของ URL ได้ทุกชนิด ไม่ว่าจะซับซ้อนแค่ไหนก็ตาม แต่การที่เรา ใช้ URL ที่เรียบง่ายก็จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้และเครื่องมือค้นหา สามารถทำได้โดยการเขียน ไดนามิก URL ใหม่เป็นสเตติก URL แม้ว่าการทำเช่นนี้จะไม่เป็นปัญหาต่อ Google แต่ขอแนะนำว่าการดำเนินการนี้เป็นวิธีการขั้นสูง และหากกระทำอย่างไม่ถูกต้อง อาจก่อให้เกิดปัญหาในการรวบรวมข้อมูลกับตัวเว็บไซต์ได้
ตัวอย่างเช่น
                                   ดังภาพแสดงตัวอย่าง URL ที่ตรงกับคำค้นหา