สอน SEO : พื้นฐานในหน้าแสดงผลการค้นหาบน Google
เรามาเริ่มต้นกันที่คำค้นหาว่า “เที่ยวญี่ปุ่น” กันก่อน

จากภาพนี้ เวลาเราค้นหาจากผลการค้นหาบน Google ให้ลองมองดู 3 Zone หลักๆดังนี้
- A : เป็นจำนวนผลการค้นหา ที่ Google พบ เมื่อเราใส่คำค้นหา โดยเป็นจำนวนแสดงผลแบบนับตามหน้า (1 เว็บไซต์อาจแสดงผลหลายหน้า) ในที่นี้คือจำนวน 3,900,000 รายการ
- B : จะมีทั้งตำแหน่ง B ด้านบน / B ด้านซ้าย และในบางครั้งยังมีที่ตำแหน่งด้านล่างอีก ซึ่งในตำแหน่งนี้ ถือว่าเป็นการแสดงผลของโฆษณา ที่ผู้ลงโฆษณาจะต้องเสียเงินให้กับ Google เมื่อลูกค้ามีการคลิกโฆษณาเข้าไปชมเว็บไซต์ซึ่งโปรแกรมการลงโฆษณาบนผลการค้นหานั้นเราเรียกว่า Google Adwords
- C : ตำแหน่งนี้ ถือว่าคือตำแหน่งของการทำ SEO โดยเว็บไซต์ที่ขึ้นอันดับ 1 ในคำค้นหานั้นๆ จะถือว่าเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพในสายตาของ Google หากในคำค้นหานั้นๆมีโฆษณาเต็มทุกตำแหน่ง จะทำให้ตำแหน่งของ SEO กลายเป็นตำแหน่งการแสดงผลลำดับที่ 4 ซึ่งจากสถิติแล้วนั้นมีโอกาสที่ผู้ค้นหาจะคลิกเว็บไซต์ที่ทำ SEO ได้อันดับบนสุดเพียง 23% แต่หากในคำค้นหานั้นๆ ไม่มีการแสดงผลของโฆษณา จะทำให้เว็บไซต์ที่ทำ SEO ได้อันดับบนสุด มีโอกาสที่ผู้ใช้จะคลิกเข้ามาถึง 33%
องค์ประกอบย่อยของ การแสดงผลของลิงค์
ตามที่เราได้เคยเห็นผลการค้นหาบน Google จะแสดงผลรูปแบบเดียวกัน แต่อาจมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบจากการอัพเดทแต่ละครั้ง โดยในปีที่มีการเขียน Content นี้นั้นรูปแบบการแสดงผลเป็นดังนี้

นี่ก็การแสดงผลของเว็บไซต์ที่ ทำ SEO ได้อันดับ 1 ในคีย์เวิร์ด “เที่ยวญี่ปุ่น” โดยเราจะมาดูองค์ประกอบทีละส่วนกัน

จากภาพ จะแสดงการแบ่งองค์ประกอบเป็น 3 ส่วนหลักๆดังนี้
- A : คือตำแหน่งหัวชื่อเรื่องของเว็บไซต์ ในส่วนนี้ผู้สร้างเว็บไซต์สามารถกำหนดเองได้ โดนการใส่ข้อความที่ต้องการแสดงผลไว้ที่ <title></title> ของบนหน้าเว็บเพจของตนเอง ซึ่งข้อความนี้มีผลอย่างมากต่อการคลิกเข้าไปชมเว็บไซต์หลังจากค้นหาพบแล้ว เพราะฉะนั้นในส่วนของ Title นี้ จึงมีความสำคัญอันดับต้นๆ ที่ผู้พัฒนาเว็บไซต์ต้องให้อันดับความสำคัญมากที่สุด
- B : ตำแหน่งของ Link ไปยังเว็บไซต์ ต่อด้วยส่วนที่เรียกว่า Breadcrumb (www.yourwebsite.com › บริษัททัวร์ › ทัวร์ต่างประเทศ) หรือตัวนำทาง Navigation ซึ่งโดยปกติทั่วไป Google จะแสดงผลเฉพาะ Link เท่านั้น แต่หากว่าเว็บไซต์ใดมีโครงสร้างที่ดีต่อการทำ SEO จะทำให้ Google รับรู้โครงสร้างที่ถูกต้อง จึงแสดงเป็น Breadcrumb ขึ้นมาได้
- C : ในส่วนสุดท้ายเราเรียกว่า Description ส่วนนี้เป็นส่วนขยายของเว็บไซต์ มีพื้นที่ 2 บรรทัด โดยจะแสดงคำอธิบายเพิ่มเติมจากส่วน A (Title) ส่วนนี้ผู้ทำเว็บไซต์ไม่สามารถกำหนดข้อความที่แน่นอนได้ เพราะส่วนใหญ่แล้ว Google จะเป็นผู้เลือกการแสดงผลให้เอง โดยจะพิจารณากับข้อความที่มีคนค้นหา
ในการสังเกต เอาใจใส่กับผลการค้นหาบน Google นั้นเป็นแนวทางการพัฒนาเว็บไซต์อย่างหนึ่งที่ทำให้ได้อันดับบนผลการค้นหาดีขึ้น ข้อมูลเหล่านี้เราเรียกกันว่า “Rich Snippets“
ตามจริงแล้วนั้นการแสดงผลการค้นหาบน Google มีได้หลายรูปแบบ ทั้งแบบการแสดงผลของบริษัทรีวิว สินค้า รูปภาพ บทความ วีดีโอ รวมไปถึง Event กำหนดการต่างๆ

การแสดงผลของเมนูอาหาร

การแสดงผลของรีวิว

การแสดงผลของอีเว้น

การแสดงผลของวีดีโอ
ด้วยหวังว่าความรู้เกี่ยวกับ พื้นฐานการแสดงผลในหน้าการค้นหาบน Google จะทำให้ผู้อ่านและผู้ที่เริ่มต้นทำ SEO นั้นได้เข้าใจถึงหลักการแสดงผลจากประสบการณ์จริง และใน Series การทำ SEO เบื้องต้นในบทต่อไป เราจะมาเรียนรู้ถึงพื้นฐานการทำ SEO ที่บนหน้าเว็บไซต์เราเองบ้าง








